ตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก (Premier League) ในช่วงครึ่งฤดูกาลมีความรู้สึกย้อนยุค ลิเวอร์พูล (Liverpool) ภายใต้การนำของ อาร์เน สล็อต (Arne Slot) นำจ่าฝูง แต่ทีมที่ไล่ตามมาติดๆ กลับสร้างความประหลาดใจให้กับแฟนบอล หลังผ่านไป 19 เกม นอตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (Nottingham Forest) รั้งอันดับสอง และกำลังชิงชัยกับ “หงส์แดง” คล้ายกับช่วงปลายทศวรรษ 1970 และ 1980 ที่ทั้งสองทีมเคยแย่งชิงถ้วยรางวัลกัน ฟอเรสต์ เอาชนะ เอฟเวอร์ตัน (Everton) 2-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แฟนบอลร้องเพลง “เราจะคว้าแชมป์ลีก” ขณะเดินทางกลับจากสนาม กูดิสัน พาร์ค (Goodison Park) สู่มิดแลนด์ส การทำซ้ำความสำเร็จแบบ เลสเตอร์ ซิตี้ (Leicester City) อาจเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องหวังให้ ลิเวอร์พูล พลาดท่า นูโน่ เอสปิริโต ซานโต (Nuno Espirito Santo) กุนซือของทีมกล่าวว่า “เรากำลังสนุกกับมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแฟนๆ ของเราก็มีความสุข นี่คือสิ่งที่เราต้องทำร่วมกัน มาเพลิดเพลินไปกับการเดินทางนี้ และสู้ในทุกนัด ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เราต้องตระหนักว่าเรายังไม่ได้บรรลุอะไรเลย”
ปรากฏการณ์ นอตติ้งแฮม ฟอเรสต์ จากทีมน้องใหม่สู่ผู้ท้าชิงตำแหน่งท็อปโฟร์
การกลับมาของ นอตติ้งแฮม ฟอเรสต์ สู่จุดสูงสุดของวงการฟุตบอลอังกฤษ กำลังสร้างปรากฏการณ์ที่น่าจดจำในฤดูกาล 2024/25 หลังจากการเลื่อนชั้นขึ้นสู่ พรีเมียร์ลีก ทีมจากมิดแลนด์สแห่งนี้ไม่เพียงแต่รักษาตำแหน่งในลีกสูงสุดได้เท่านั้น ราคาแฮนดิแคป sbobet แต่ยังก้าวขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงอันดับท็อปโฟร์อย่างน่าประหลาดใจ
ภายใต้การนำของกุนซือคนใหม่ นูโน่ เอสปิริโต ซานโต ฟอเรสต์ แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่ก้าวกระโดด ทั้งในแง่ของระบบการเล่นและผลงานในสนาม การเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0 ที่ ราคาแฮนดิแคป sbobet กูดิสัน พาร์ค เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนถึงความแข็งแกร่งของทีม ความสำเร็จในครึ่งแรกของฤดูกาลได้สร้างความหวังให้กับแฟนบอล ฟอเรสต์ ถึงโอกาสในการทำซ้ำความสำเร็จแบบ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่เคยคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2015/16 แม้ว่าการไล่ตาม ลิเวอร์พูล ของ อาร์เน สล็อต จะเป็นงานที่ท้าทาย การกลับมาพบกันของ ลิเวอร์พูล และ นอตติ้งแฮม ฟอเรสต์ บนจุดสูงสุดของตารางคะแนน ย้อนความทรงจำกลับไปสู่ยุคทองของทั้งสองทีมในช่วงปลายทศวรรษ 1970 และ 1980 เมื่อพวกเขาเคยแย่งชิงถ้วยรางวัลสำคัญมาแล้ว
ประวัติศาสตร์และความหวังของ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์
น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (Nottingham Forest) คว้าแชมป์ดิวิชั่นหนึ่งในปี 1978 โดยมี ลิเวอร์พูล (Liverpool) จบอันดับสอง และในปีถัดมาทั้งสองทีมสลับตำแหน่งกัน ในช่วงยุค 80 น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (Nottingham Forest) จบอันดับสามถึงสามครั้ง โดยในฤดูกาลเหล่านั้น ลิเวอร์พูล (Liverpool) คว้าแชมป์สองครั้งและรองแชมป์หนึ่งครั้ง ภายใต้การคุมทีมของ ไบรอัน คลัฟ (Brian Clough) น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (Nottingham Forest) สร้างความประหลาดใจให้กับทวีปยุโรปด้วยการคว้าแชมป์ ยูโรเปียน คัพ (European Cup) ในปี 1979 และป้องกันแชมป์ได้ในปีถัดมา พวกเขาไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันรายการนี้อีกเลยนับตั้งแต่ฤดูกาล 1980-81 แต่แฟนบอลอาจเริ่มฝันถึงการได้ยินเพลงประจำ แชมเปียนส์ ลีก (Champions League) ที่สนาม ซิตี้ กราวด์ (City Ground) ในฤดูกาลหน้า การมี 37 คะแนนหลังผ่าน 19 เกมในยุค พรีเมียร์ลีก (Premier League) แสดงให้เห็นถึงผลงานที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น วิมเบิลดัน (Wimbledon) จบอันดับแปดในปี 1997 โดยมีคะแนนเท่ากันในช่วงเวลานี้ และ ซันเดอร์แลนด์ (Sunderland) จบอันดับเจ็ดสามปีต่อมา ในขณะที่ เชลซี (Chelsea) (2003) และ ลิเวอร์พูล (Liverpool) (2008) สามารถจบในอันดับท็อปโฟร์ได้ในตอนจบฤดูกาล ความยิ่งใหญ่ของ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (Nottingham Forest) ในอดีตและความหวังในปัจจุบัน เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจในวงการฟุตบอลอังกฤษ ย้อนกลับไปในปี 1978 ทีมภายใต้การนำของผู้จัดการทีมระดับตำนาน ไบรอัน คลัฟ (Brian Clough) สามารถคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษมาครองได้ โดยเอาชนะ ลิเวอร์พูล (Liverpool) ทีมยักษ์ใหญ่ในยุคนั้น
ความสำเร็จไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น เมื่อ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (Nottingham Forest) สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าแชมป์ ยูโรเปียน คัพ (European Cup) ถึงสองสมัยติดต่อกันในปี 1979 และ 1980 ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร แต่หลังจากฤดูกาล 1980-81 พวกเขาก็ไม่เคยได้กลับไปเล่นในรายการนี้อีกเลย ในทศวรรษ 80 น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (Nottingham Forest) ยังคงรักษามาตรฐานการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม โดยจบอันดับสามในลีกถึงสามครั้ง แม้จะต้องเจอกับการครองความยิ่งใหญ่ของ ลิเวอร์พูล (Liverpool) ที่ผลัดกันคว้าแชมป์และรองแชมป์ในช่วงเวลานั้น
ปัจจุบัน น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (Nottingham Forest) กำลังสร้างผลงานที่น่าประทับใจในศึก พรีเมียร์ลีก (Premier League) ด้วยการมี 37 คะแนนจาก 19 เกม ซึ่งเป็นสถิติที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับทีมในอดีตที่มีคะแนนเท่ากันในช่วงเวลาเดียวกัน ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่าทีมที่มีคะแนนในระดับนี้สามารถจบฤดูกาลได้ในหลายตำแหน่ง ตั้งแต่ วิมเบิลดัน (Wimbledon) ที่จบอันดับแปดในปี 1997 ซันเดอร์แลนด์ (Sunderland) ที่จบอันดับเจ็ดในปี 2000 ไปจนถึง เชลซี (Chelsea) และ ลิเวอร์พูล (Liverpool) ที่สามารถคว้าพื้นที่ในท็อปโฟร์ได้ในปี 2003 และ 2008 ตามลำดับ ความสำเร็จในปัจจุบันทำให้แฟนบอล น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (Nottingham Forest) เริ่มกลับมาฝันถึงการได้ยินเสียงเพลงประจำ แชมเปียนส์ ลีก (Champions League) ดังก้องที่สนาม ซิตี้ กราวด์ (City Ground) อีกครั้ง หลังจากที่รอคอยมานานกว่า 40 ปี นับตั้งแต่การเข้าร่วม ยูโรเปียน คัพ (European Cup) ครั้งสุดท้ายในฤดูกาล 1980-81
Leave a Reply